ปลวก คือ แมลงชนิดหนึ่งที่ขึ้นชื่อว่าเป็นศัตรูตัวฉกาจของบ้านไม้และวัสดุที่ทำจากไม้ พวกมันมีขนาดเล็ก ลำตัวอ่อนนุ่มสีขาวหรือครีม และมักถูกเรียกว่า “มดขาว” โดยทั่วไปปลวกอาศัยอยู่ร่วมกันเป็นอาณานิคมขนาดใหญ่ในที่มืดและชื้น เช่น ใต้ดินหรือในเนื้อไม้ ปลวกคืออะไร คำถามนี้อาจตอบได้ว่า ปลวกก็คือแมลงสังคมที่มีการแบ่งชนชั้นวรรณะภายในรัง และมีบทบาทสำคัญทั้งในแง่ผู้ทำลาย (เมื่อขึ้นบ้านเรือน) และผู้ย่อยสลาย (ในธรรมชาติ)
ในบทความนี้เราจะพูดถึงข้อมูลทุกด้านของปลวก ตั้งแต่ลักษณะทั่วไป วงจรชีวิตปลวก ระบบสังคมในรังของพวกมัน ไปจนถึงพฤติกรรมการหาอาหารและการเคลื่อนที่ นอกจากนี้ยังครอบคลุมถึงปัญหา ปลวกในบ้าน และวิธี กำจัดปลวก อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงคำถามพบบ่อย (FAQ) ที่หลายคนสงสัยเกี่ยวกับปลวก
ข้อมูลทั่วไปเกี่ยวกับปลวก
ปลวกถูกจัดให้อยู่ในอันดับ Isoptera (จากภาษากรีก iso = เท่ากัน, ptera = ปีก) ตามชื่อวิทยาศาสตร์ที่แปลว่า “ปีกเท่ากัน” เนื่องจากปลวกวัยเจริญพันธุ์ (แมลงเม่า) มีปีกคู่หน้าหลังที่มีขนาดเท่ากัน ปลวกมีสายพันธุ์มากกว่า 2,000 ชนิดทั่วโลก และมีอยู่ทั่วไปในแทบทุกพื้นที่ที่มีความอบอุ่นชื้น โดยเฉพาะในเขตร้อนอย่างประเทศไทย เราสามารถพบปลวกได้ทั้งในป่า สวน หรือแม้แต่ในชุมชนเมือง หากมีสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม เช่น มีแหล่งไม้หรือวัสดุเซลลูโลสและความชื้นเพียงพอ
ปลวกเป็นแมลงสังคม (social insect) ที่อาศัยอยู่กันเป็นกลุ่มใหญ่ในรูปแบบของ อาณานิคม ภายในรังเดียวสามารถมีจำนวนสมาชิกได้ตั้งแต่หลักพันจนถึงหลักล้านตัว แต่ละอาณานิคมมีการแบ่งหน้าที่กันอย่างชัดเจนเป็นวรรณะต่าง ๆ ได้แก่ ปลวกงาน ปลวกทหาร และปลวกสืบพันธุ์ โดยมีราชินีและราชาปลวกเป็นคู่ผสมพันธุ์หลักที่ให้กำเนิดสมาชิกใหม่ ๆ ในรัง
เพื่อให้เข้าใจบทบาทของปลวกแต่ละชนิดในรัง ต่อไปนี้เป็นตารางแสดง วรรณะของปลวก และหน้าที่ของแต่ละวรรณะ:
วรรณะปลวก | ลักษณะและหน้าที่ |
---|---|
ราชินีปลวก (นางพญาปลวก) | เป็นปลวกเพศเมียที่สืบพันธุ์ได้ ทำหน้าที่วางไข่ขยายประชากรในรัง ร่างกายมีขนาดใหญ่โดยเฉพาะส่วนท้องที่ขยายใหญ่เพื่อผลิตไข่ สามารถวางไข่ได้หลายพันฟองต่อวัน และมีอายุยืนยาวนับสิบปี |
ราชาปลวก | เป็นปลวกเพศผู้ที่ผสมพันธุ์กับราชินีตลอดชีวิต มีขนาดใหญ่รองจากราชินี คอยอยู่เคียงข้างราชินีในห้องพิเศษของรังและช่วยดูแลราชินี รวมถึงควบคุมการเจริญเติบโตของอาณานิคม |
ปลวกงาน (วรรณะกรรมกร) | ปลวกที่ไม่มีปีกและเป็นหมัน มีจำนวนมากที่สุด (ประมาณ 90% ของทั้งรัง) ทำหน้าที่หาอาหาร กินไม้ ย่อยเศษซากพืช เลี้ยงดูตัวอ่อน รวมถึงป้อนอาหารให้ปลวกวรรณะอื่น ๆ ปลวกงานเป็นผู้สร้างทางเดินดินและรัง และเป็นตัวการหลักที่ทำความเสียหายแก่ไม้และบ้านเรือน |
ปลวกทหาร | ปลวกที่ไม่มีปีกและเป็นหมันเช่นกัน มีจำนวนรองลงมา (ประมาณ 2-5% ของรัง) มีส่วนหัวและก้ามใหญ่ แข็งแรง เพื่อใช้ต่อสู้ศัตรู เช่น มด หรือปลวกต่างรัง ปลวกทหารไม่สามารถหาอาหารเองได้ ต้องพึ่งปลวกงานป้อนอาหารให้ |
ปลวกสืบพันธุ์มีปีก (แมลงเม่า) | เป็นปลวกวัยเจริญพันธุ์ที่มีปีก อาศัยอยู่ในรังจนถึงฤดูผสมพันธุ์ก็จะบินออกจากรังไปจับคู่ผสมพันธุ์ ปลวกกลุ่มนี้เมื่อผสมพันธุ์แล้วจะสลัดปีกทิ้งและเริ่มต้นสร้างรังใหม่ในฐานะราชินีและราชาของอาณานิคมใหม่ต่อไป |
ปลวกมีบทบาทสองด้านต่อระบบนิเวศและมนุษย์ ด้านบวกคือพวกมันช่วยย่อยสลายซากพืชและวัสดุอินทรีย์ในธรรมชาติ เปลี่ยนให้กลับมาเป็นธาตุอาหารในดิน วงจรชีวิตปลวก จึงเป็นส่วนหนึ่งของการรักษาสมดุลของสิ่งแวดล้อม ทว่าด้านลบคือปลวกสามารถสร้างความเสียหายอย่างหนักต่อบ้านเรือน อาคารไม้ รวมถึงพืชผลทางการเกษตรเมื่อจำนวนมากเกินไปและเข้ามาอยู่ในที่ที่ไม่ควรอยู่
การกระจายพันธุ์ของปลวก
ปลวกมีวิธีการขยายอาณาจักรของตนเองอย่างรวดเร็วผ่านการสืบพันธุ์และแพร่กระจายลูกหลานไปยังพื้นที่ใหม่ ๆ อาณานิคมปลวกหนึ่งรังเริ่มต้นจากปลวกสืบพันธุ์มีปีกคู่หนึ่ง (ราชินีและราชา) ที่บินออกมาจากรังเดิมในช่วงที่เรียกว่า ฤดูปลวกบิน (มักเกิดขึ้นในช่วงต้นฤดูฝนของทุกปี) เมื่อแมลงเม่าชายและหญิงจับคู่กันได้ พวกมันจะสลัดปีกและมุดลงดินหรือเข้าไปในแหล่งวัสดุที่มีเซลลูโลสเพื่อสร้างรังใหม่ จากนั้นราชินีปลวกจะเริ่มวางไข่ ก่อร่างสร้างอาณานิคมขึ้นทีละน้อย
ในระยะแรก อาณานิคมจะมีขนาดเล็ก มีเพียงไข่ ตัวอ่อน ปลวกงานและปลวกทหารจำนวนไม่มาก โดยราชินีจะวางไข่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ตามอายุของเธอ ภายในเวลาไม่กี่ปี อาณานิคมสามารถขยายเพิ่มประชากรเป็นหลักหมื่นหรือแสนตัว และเมื่อรังมีความพร้อม (โดยมากอายุรังประมาณ 3-5 ปี) ก็จะเริ่มผลิตแมลงเม่ารุ่นใหม่เพื่อขยายพันธุ์ต่อไป วนเป็นวงจรเช่นนี้ทำให้ปลวกสามารถแพร่พันธุ์ได้อย่างรวดเร็ว
นอกจากการผสมพันธุ์แบบปกติแล้ว ในบางกรณีอาณานิคมปลวกอาจขยายตัวด้วยวิธีอื่น เช่น การแตกตัวอาณานิคม (colony budding) โดยเมื่อรังมีขนาดใหญ่และแหล่งอาหารเริ่มจำกัด ปลวกบางส่วนอาจย้ายออกไปก่อตั้งรังย่อยใกล้เคียง ซึ่งถือเป็นการกระจายพันธุ์อีกแบบหนึ่ง
สิ่งที่น่าทึ่งคืออาณานิคมปลวกสามารถเติบโตมีสมาชิกจำนวนมหาศาลภายในเวลาสั้น ๆ รังปลวกขนาดใหญ่บางรังอาจมีประชากรมากถึงหลักล้านตัว ขึ้นอยู่กับชนิดของปลวกและความอุดมสมบูรณ์ของอาหารในพื้นที่ หากมีอาหารและสภาพแวดล้อมเหมาะสม ปลวกก็จะแพร่พันธุ์และขยายอาณาเขตไปอย่างต่อเนื่อง
โครงสร้างของรัง
ปลวกสร้างรังเพื่อเป็นทั้งที่อยู่อาศัย ป้องกันศัตรู และรักษาความชื้นที่ร่างกายต้องการ รังของปลวกมีหลายรูปแบบขึ้นกับชนิดปลวก เช่น ปลวกใต้ดิน จะทำรังอยู่ใต้ดินและสร้างทางเดินดินขึ้นมาตามผนังหรือต้นไม้, ปลวกไม้แห้ง จะทำรังอยู่ภายในเนื้อไม้แห้ง เช่น ในเฟอร์นิเจอร์หรือโครงบ้าน, ส่วน ปลวกจอมปลวก บางชนิดจะสร้างเนินดินขนาดใหญ่เหนือพื้นดิน (จอมปลวก) ที่เห็นได้ชัดเจนตามพื้นป่าหรือทุ่งหญ้า
ไม่ว่าจะมีรูปแบบใด โครงสร้างภายในรังปลวก มักประกอบด้วยส่วนสำคัญต่าง ๆ ดังนี้:
- ทางเดินและอุโมงค์: เครือข่ายทางเดินขนาดเล็กที่ปลวกงานสร้างขึ้นจากดิน น้ำลาย และมูลของมัน ทางเดินเหล่านี้เชื่อมระหว่างห้องต่าง ๆ ในรัง และยังต่อออกไปยังแหล่งอาหารภายนอก เช่น การสร้างท่อดินตามผนังหรือพื้นเพื่อใช้เป็นเส้นทางเดินไปยังไม้หรืออาหารที่อยู่ห่างจากรัง โดยไม่ต้องออกมาเผชิญแสงสว่าง
- ห้องราชินีและราชา: เป็นห้องขนาดใหญ่และได้รับการปกป้องอย่างดีอยู่ลึกในรัง ใช้เป็นที่อยู่ของราชินีและราชาปลวก ภายในห้องนี้มีความชื้นและอุณหภูมิคงที่ เหมาะแก่การวางไข่และการฟักไข่
- ห้องอนุบาลและห้องอาหาร: เป็นห้องที่ปลวกงานใช้เลี้ยงดูตัวอ่อนอ่อนวัย (ไข่และตัวอ่อนวัยแรก) โดยมีอาหาร (เช่น เยื่อไม้ที่ย่อยบางส่วนหรือเชื้อรา) เตรียมไว้ให้ตัวอ่อน นอกจากนี้ยังมีห้องเก็บอาหารที่ปลวกงานนำมากักตุนไว้ เช่น เศษไม้บด เคี้ยวให้เปื่อยอ่อน หรือเชื้อราชนิดที่ปลวกเพาะเลี้ยงไว้กิน
- ห้องทหาร: บางส่วนของรังอาจเป็นที่รวมตัวของปลวกทหารเพื่อเตรียมพร้อมป้องกันอาณานิคม เมื่อมีศัตรูหรือปลวกต่างรังบุกเข้ามา ปลวกทหารเหล่านี้จะออกมาต่อต้านผ่านทางเดินต่าง ๆ อย่างรวดเร็ว
- ผนังและโครงสร้างรัง: ส่วนประกอบของผนังรังและโครงสร้างหลัก ทำจากดิน โคลน น้ำลาย และมูลปลวกอัดแน่น ปลวกจะซ่อมแซมผนังรังทันทีหากได้รับความเสียหาย ผนังเหล่านี้ช่วยรักษาความชื้นภายในรังและป้องกันศัตรูภายนอกไม่ให้เข้ามาได้โดยง่าย
โครงสร้างของรังปลวกสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามสภาพแวดล้อม หากบริเวณใดมีความแห้งหรือชื้นเกินไป ปลวกงานจะปรับปรุงรัง เช่น สร้างช่องระบายอากาศหรือเพิ่มความหนาของผนังดินเพื่อควบคุมสภาวะภายใน นอกจากนี้ รังปลวกใต้ดินมักมีหลายชั้นและมีทางหนีฉุกเฉินหลายทางเผื่อในกรณีรังถูกโจมตี
การเคลื่อนที่ของปลวก
แม้ปลวกจะเป็นแมลงตัวเล็ก ๆ แต่พวกมันก็มีวิธีการเคลื่อนที่ที่มีประสิทธิภาพในสภาพแวดล้อมที่คับแคบและมืด ปลวกมีขาจำนวน 6 ขา (3 คู่) ซึ่งแต่ละคู่ประกอบด้วยขาหน้า กลาง และหลัง ทำให้ปลวกสามารถเคลื่อนที่ได้ในทุกทิศทางอย่างคล่องแคล่ว ทั้งเดินหน้า ถอยหลัง และเลี้ยวซ้ายขวาได้ในพื้นที่จำกัด
ปลวกส่วนใหญ่ตาบอดหรือสายตามองเห็นได้ไม่ดี ดังนั้นการเคลื่อนที่และหาเส้นทางของพวกมันจึงอาศัยประสาทสัมผัสอื่น โดยเฉพาะระบบรับรู้กลิ่นและการสั่นสะเทือน ปลวกงานจะปล่อยฟีโรโมน (สารเคมีสื่อสาร) เป็นรอยทางไว้ขณะเดินหาอาหาร เพื่อให้ปลวกตัวอื่น ๆ ในรังตามรอยไปยังแหล่งอาหารได้ถูกต้อง การเดินตามรอยฟีโรโมนนี้ทำให้ปลวกสามารถไปกลับระหว่างรังกับจุดหาอาหารได้แม้อยู่ในความมืดและมีทางเดินซับซ้อน
นอกจากนี้ ปลวกยังสร้างท่อทางเดินดินหรืออุโมงค์ใต้ดินเพื่อใช้ในการเดินทางระหว่างรังและแหล่งอาหารที่อยู่ห่างออกไป ท่อทางเดินเหล่านี้ช่วยให้ปลวกหลีกเลี่ยงการออกมาบนพื้นผิวที่มีแสงและอากาศแห้ง ซึ่งอาจทำให้ตัวปลวกสูญเสียน้ำและเสี่ยงต่อการถูกล่า การสร้างทางเดินใต้ดินหรือท่อดินนี้ ปลวกงานจะใช้กรามขุดดินและใช้น้ำลายผสมดินให้แข็งตัวเป็นท่อทรงกระบอกติดกับพื้นหรือผนัง โครงสร้างเหล่านี้แข็งแรงพอที่จะป้องกันปลวกขณะเคลื่อนที่ภายใน และหากถูกทำลาย ปลวกงานก็สามารถซ่อมแซมได้อย่างรวดเร็ว
ด้วยระบบทางเดินใต้ดินและฟีโรโมนชี้นำ ปลวกจึงสามารถกระจายกำลังหาอาหารไปได้กว้างขวาง บางครั้งระยะทางจากรังถึงแหล่งอาหารอาจยาวหลายสิบเมตร แต่ปลวกก็ยังคงเดินทางไปกลับและสื่อสารตำแหน่งกันได้อย่างแม่นยำ
การค้นหาอาหารของปลวก
อาหารหลักของปลวกคือวัสดุที่มีเซลลูโลสเป็นองค์ประกอบ ไม่ว่าจะเป็นไม้แห้ง ไม้ผุ เศษใบไม้ กิ่งไม้ หญ้าแห้ง ไปจนถึงกระดาษและวัสดุที่มนุษย์สร้างขึ้นจากไม้ ด้วยเหตุนี้ปลวกจึงขึ้นชื่อว่าเป็นศัตรูตัวร้ายของบ้านไม้และเอกสารหนังสือต่าง ๆ
การหาอาหารของปลวกเริ่มจากปลวกงานที่กระจายออกจากรังไปตามทางเดินที่สร้างไว้ เมื่อมันพบแหล่งอาหาร เช่น โครงไม้บ้านหรือต้นไม้ล้ม มันจะกินเนื้อไม้บางส่วนและนำกลับมาเก็บไว้ในรัง พร้อมทั้งปล่อยฟีโรโมนเป็นสัญญาณให้ปลวกงานตัวอื่นรับรู้ถึงที่ตั้งของอาหาร แหล่งอาหารที่ปลวกชอบมักจะมีความชื้นพอเหมาะและไม่แข็งเกินไป เนื่องจากปลวกไม่สามารถกินไม้ที่แข็งและแห้งมาก ๆ ได้โดยไม่ช่วยย่อยก่อน ในบางกรณีปลวกจะรอให้เชื้อราขึ้นในไม้หรือใบไม้ที่เก็บมา เพื่อช่วยย่อยเนื้อไม้ให้อ่อนนุ่มลงก่อนที่จะกิน
ปลวกมีจุลินทรีย์ในทางเดินอาหาร (ได้แก่ โปรโตซัวและแบคทีเรียชนิดพิเศษ) ที่ช่วยย่อยสลายเซลลูโลสให้กลายเป็นน้ำตาลที่ปลวกสามารถนำไปใช้เป็นพลังงานได้ ความสัมพันธ์นี้เรียกว่า ภาวะพึ่งพาแบบร่วมมือ (symbiosis) ซึ่งทั้งปลวกและจุลินทรีย์ต่างได้รับประโยชน์ร่วมกัน ปลวกจำเป็นต้องกินจุลินทรีย์ที่อยู่ในมูลหรืออาหารที่ปลวกงานสำรอกให้ในช่วงแรกเกิด เพื่อให้มีจุลินทรีย์ในลำไส้สำหรับช่วยย่อยอาหารต่อไปตลอดชีวิต
เมื่อปลวกพบแหล่งอาหารใหม่และมั่นใจว่าปลอดภัยที่จะบริโภค ปลวกงานจำนวนมากจะตามไปกัดกินและทยอยลำเลียงอาหารกลับรัง อาหารส่วนหนึ่งจะถูกเก็บสำรองไว้ ส่วนอีกส่วนจะถูกแบ่งปันให้สมาชิกอื่นในรังรวมถึงราชินีและตัวอ่อน กระบวนการแบ่งปันอาหารนี้เรียกว่า โทฟอลลาซิส (trophallaxis) ซึ่งเป็นพฤติกรรมการป้อนอาหารให้กันระหว่างปลวกด้วยกันผ่านการสำรอกหรือส่งต่อทางปาก
อาหารที่ปลวกโปรดปราน ได้แก่ ไม้เนื้ออ่อนหรือไม้ที่เริ่มผุ เพราะย่อยง่าย นอกจากนี้ปลวกยังต้องการแหล่งน้ำหรือความชื้นในการดำรงชีวิต ดังนั้นแหล่งอาหารที่อยู่ใกล้ดินหรือแหล่งน้ำย่อมดึงดูดปลวกได้มากกว่าแหล่งที่แห้งแล้ง
การแข่งขัน
แม้ภายในรังปลวกจะทำงานร่วมมือกันอย่างเป็นระบบ แต่ระหว่างอาณานิคมปลวกด้วยกันเองหรือระหว่างปลวกกับสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ เช่น มด ก็มีการแข่งขันและความขัดแย้งเกิดขึ้น การแข่งขันระหว่างปลวกต่างรังมักเกี่ยวข้องกับการแย่งชิงพื้นที่หาอาหาร หากอาณาเขตการหาอาหารของรังสองรังทับซ้อนกัน ปลวกงานและปลวกทหารของแต่ละรังอาจปะทะกันเพื่อปกป้องทรัพยากรของตน เหตุการณ์เช่นนี้อาจนำไปสู่การต่อสู้ระหว่างอาณานิคม ซึ่งรังที่มีกำลังมากกว่าจะชนะและขยายอาณาเขต ส่วนรังที่พ่ายแพ้อาจต้องถอยกลับหรือย้ายที่อยู่
คู่แข่งตามธรรมชาติที่สำคัญอีกฝ่ายหนึ่งของปลวกคือ มด หลายชนิด โดยเฉพาะมดแดงและมดคันไฟที่เป็นนักล่าปลวกตัวยง มดมักเข้าบุกโจมตีรังปลวกเพื่อล่าตัวอ่อนและปลวกงานไปเป็นอาหาร ด้วยเหตุนี้ปลวกทหารจึงวิวัฒนาการให้มีหัวใหญ่และกรามอันแข็งแรงเพื่อสู้กับมดโดยเฉพาะ บางชนิดยังสามารถหลั่งสารเคมีหรือของเหลวเหนียวเพื่อหยุดยั้งมดไม่ให้เข้ามาในรังได้ง่าย
นอกจากนี้ ปลวกยังใช้กลิ่นฟีโรโมนเพื่อเป็นเสมือนรั้วอาณาเขต หากปลวกต่างรังเข้ามาใกล้บริเวณรังของอีกฝูงหนึ่ง กลิ่นฟีโรโมนที่แตกต่างจะทำให้พวกมันรู้และหลีกเลี่ยงไม่ล้ำแดนกัน อย่างไรก็ตาม หากอาหารขาดแคลน พื้นที่ทับซ้อน หรือรังหนึ่งอ่อนแอลง การแข่งขันและการช่วงชิงพื้นที่ก็จะเกิดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ปลวกในบ้าน: ปัญหาและความเสียหาย
เมื่อปลวกเข้ามาอาศัยและกัดกินโครงสร้างไม้ในบ้านเรือน ปัญหาที่ตามมาคือความเสียหายทางโครงสร้างและทรัพย์สินที่อาจร้ายแรงโดยไม่รู้ตัวในช่วงแรก ๆ ปลวกใต้ดินมักเข้าบ้านจากพื้นดินขึ้นมาตามรอยแตกพื้นหรือท่อ โดยสร้างท่อดินเล็ก ๆ ตามผนังหรือเสาบ้าน ส่วนปลวกไม้แห้งอาจติดมากับเฟอร์นิเจอร์หรือไม้ที่นำเข้ามาในบ้าน
สัญญาณที่บ่งบอกว่ามีปลวกในบ้าน ได้แก่
- มีทางเดินดินหรือท่อดินเล็ก ๆ สีน้ำตาลอ่อนเกาะตามผนัง โครงไม้ หรือพื้นบ้าน
- พบแมลงเม่าบินภายในบ้านหรือเกาะอยู่ตามหลอดไฟ โดยเฉพาะช่วงค่ำของต้นฤดูฝน ซึ่งหลังจากนั้นจะพบปีกของมันหล่นอยู่ตามพื้น
- ได้ยินเสียงไม้กลวงเมื่อเคาะโครงสร้างไม้บางส่วน หรือพื้นไม้ยุบเป็นโพรง เนื่องจากเนื้อไม้ข้างในถูกปลวกกินเหลือแต่ผิวบาง ๆ
- พบมูลปลวกลักษณะเป็นเม็ดกลมเล็กสีคล้ำ (กรณีปลวกไม้แห้ง) หรือลักษณะขุยดินทราย (กรณีปลวกใต้ดิน) ในบริเวณใกล้แหล่งไม้ที่ถูกกิน
ปลวกสามารถสร้างความเสียหายอย่างหนักโดยเฉพาะหากกัดกินโครงสร้างหลักของบ้าน เช่น คานไม้หรือเสาไม้ ทำให้ความแข็งแรงลดลง และอาจเป็นอันตรายต่อผู้อยู่อาศัยหากโครงสร้างพังทลาย นอกจากไม้แล้ว ปลวกยังอาจทำลายเฟอร์นิเจอร์ไม้ พื้นปาร์เก้ บานประตู รวมถึงของใช้ที่ทำจากกระดาษ เช่น หนังสือ เอกสาร รูปภาพ โดยการกัดกินเพื่อหาเซลลูโลส
ผู้ใช้ Pantip รายหนึ่งเล่าถึงความยุ่งยากจากปลวกว่า:
“มีปลวกตั้งแต่ซื้อบ้านมาเลย กินตรงบันไดมา 3 ปีแล้ว…พอหน้าฝนก็กลับมาอีก จนตอนนี้ 3 ปีแล้วก็ยังอยู่”
(ที่มา: กระทู้พันทิป)
จากประสบการณ์ข้างต้นจะเห็นได้ว่าหากปลวกเข้าบ้านแล้ว การกำจัดให้หมดสิ้นอาจไม่ใช่เรื่องง่าย จำเป็นต้องใช้ทั้งความพยายาม เวลา และวิธีการที่ถูกต้อง เจ้าของบ้านจึงควรใส่ใจตรวจสอบบ้านของตนเป็นระยะ หากพบสัญญาณปลวกตั้งแต่เนิ่น ๆ จะได้ดำเนินการแก้ไขก่อนที่ความเสียหายจะลุกลาม
วิธีป้องกันและกำจัดปลวก
การป้องกันและกำจัดปลวกอย่างมีประสิทธิภาพต้องอาศัยทั้งการจัดการเชิงป้องกันและการใช้วิธีการกำจัดที่เหมาะสม ในส่วนนี้เราจะกล่าวถึงทั้งแนวทางป้องกันไม่ให้ปลวกขึ้นบ้าน และวิธีการกำจัดปลวกเมื่อเกิดการระบาดแล้ว
การป้องกันปลวก:
- รักษาความแห้งของบ้าน: ตรวจสอบให้ไม่มีจุดรั่วซึมหรือความชื้นสะสมในบ้าน ปลวกต้องการความชื้นในการดำรงชีวิต การทำให้ใต้พื้นบ้านและบริเวณตัวบ้านแห้งอยู่เสมอจะช่วยลดโอกาสการบุกรุกของปลวก (เช่น ซ่อมท่อประปารั่ว, ระบายอากาศใต้ถุนบ้าน)
- ใช้ไม้ที่ผ่านการอบหรืออัดน้ำยากันปลวก: หากสร้างบ้านหรือทำเฟอร์นิเจอร์ใหม่ ควรใช้ไม้ที่ผ่านการบำบัดด้วยสารป้องกันปลวก หรือเลือกใช้วัสดุทดแทนไม้ในส่วนที่ติดดิน
- กำจัดแหล่งอาหารรอบบ้าน: เก็บกวาดเศษไม้ กิ่งไม้ หรือใบไม้แห้งที่กองสะสมชิดตัวบ้านออกไป อย่าให้มีไม้หรือกระดาษชื้นๆ วางกองอยู่ใกล้พื้นบ้านเพราะจะดึงดูดปลวก
- ตรวจสอบบ้านสม่ำเสมอ: อย่างน้อยปีละ 1-2 ครั้ง ควรตรวจสอบจุดอับต่าง ๆ เช่น ใต้ถุน ซอกมุมพื้นไม้ วงกบประตูหน้าต่าง ว่ามีร่องรอยปลวกหรือไม่ การพบเร็วจะช่วยให้กำจัดง่ายขึ้น
- ติดตั้งระบบป้องกันปลวกตั้งแต่ก่อสร้าง: ในกรณีสร้างบ้านใหม่ อาจติดตั้งท่อเคมีใต้ดินหรือตาข่ายสแตนเลสกันปลวกใต้ตัวบ้าน รวมถึงฉีดพ่นสารเคมีป้องกันปลวกลงดินก่อนวางฐานราก เพื่อสร้างแนวกันปลวกแต่เนิ่น ๆ
วิธีการกำจัดปลวก:
- สารเคมีฆ่าปลวก (Chemical Treatment): วิธีที่นิยมใช้คือการฉีดพ่นหรืออัดน้ำยาสารเคมีลงดินรอบบ้านและบริเวณที่พบปลวก เพื่อสร้างแนวพิษป้องกันปลวก เช่น สารกลุ่มเฟนนิลไพราโซล (fipronil) หรือกลุ่มนีโอนิโคตินอยด์ (imidacloprid) สารเหล่านี้เมื่อปลวกสัมผัสจะออกฤทธิ์ทำลายระบบประสาทและทำให้ปลวกตายยกรังเมื่อปลวกงานนำสารติดตัวกลับไปในรัง ข้อควรระวังคือควรใช้โดยผู้เชี่ยวชาญตามปริมาณที่เหมาะสมเพื่อความปลอดภัย
- ระบบเหยื่อล่อปลวก (Bait System): เป็นวิธีที่ได้ผลและปลอดภัยกว่าในการกำจัดปลวกถึงรัง ปลวกงานจะถูกดึงดูดด้วยเหยื่อ (ที่ทำจากไม้หรือเซลลูโลสผสมสารยับยั้งการลอกคราบของปลวก) เมื่อปลวกกินเหยื่อแล้วจะนำกลับไปแบ่งกันในรัง สารเคมีในเหยื่อจะทำให้ปลวกค่อย ๆ ตายลงทั้งรัง เหยื่อล่อมักจะถูกติดตั้งในจุดที่พบปลวกหรือจุดเสี่ยงรอบบ้าน
ผู้ใช้ Pantip ท่านหนึ่งแชร์ประสบการณ์ว่า:
“ผมเคยมีปัญหาปลวกบุกบ้าน ลองใช้สถานีเหยื่อปลวก แล้วได้ผลดีมากครับ ติดตั้งง่าย แค่วางสถานีในจุดที่พบปลวก ปลวกจะมากินเหยื่อและนำกลับไปที่รัง ทำให้กำจัดปลวกได้ทั้งโคโลนี หลังใช้งาน ปลวกหายไปอย่างรวดเร็ว…”
(ที่มา: กระทู้พันทิป)จากตัวอย่างจะเห็นว่าเหยื่อล่อเป็นอีกวิธีที่ได้รับความนิยม เนื่องจากไม่ต้องเจาะพื้นหรือใช้สารเคมีปริมาณมาก แต่ต้องอาศัยเวลาให้ปลวกนำเหยื่อกลับรังและกระจายให้ทั่วอาณานิคม
- วิธีกำจัดปลวกตามธรรมชาติ: สำหรับบ้านที่มีปลวกไม่มากหรือเป็นการป้องกันเบื้องต้น สามารถลองใช้วิธีธรรมชาติที่ไม่พึ่งสารเคมีรุนแรง เช่น โรยผงโบรักซ์ (Borax) หรือกรดบอริกในทางเดินปลวก, ใช้สารสกัดจากพืชอย่างน้ำมันสะเดาหรือน้ำมันส้มฉีดตามทางเดินปลวก, ราดน้ำร้อนหรือน้ำสบู่เข้มข้นใส่รังปลวกเล็ก ๆ ที่พบ, หรือใช้เกลือผสมน้ำราดบริเวณทางเดินปลวก วิธีเหล่านี้อาจช่วยลดจำนวนปลวกได้ระดับหนึ่ง แต่หากรังปลวกใหญ่และฝังลึกก็อาจยังไม่เพียงพอที่จะกำจัดได้หมดสิ้น
- การรมควันและกำจัดโดยผู้เชี่ยวชาญ: ในกรณีที่ปลวกระบาดหนักทั่วบ้าน โดยเฉพาะในกรณีปลวกไม้แห้งที่กระจายอยู่ในโครงสร้างบ้านหลายจุด การเรียกบริษัทกำจัดปลวกมืออาชีพเป็นทางเลือกที่ปลอดภัยและได้ผล ผู้เชี่ยวชาญมีอุปกรณ์และสารเคมีเฉพาะทาง เช่น การรมควัน (fumigation) เพื่อกำจัดปลวกในเฟอร์นิเจอร์หรือพื้นที่ปิด การเจาะพื้นเพื่ออัดสารเคมี หรือการติดตั้งระบบเหยื่อล่ออย่างมืออาชีพ ซึ่งสามารถรับประกันผลและมีการติดตามผลหลังการกำจัด
วิดีโอข้างต้นเป็นตัวอย่างวิธีการกำจัดปลวกที่นิยมในปัจจุบัน โดยวิดีโอแรกแสดงการใช้สถานีเหยื่อล่อกำจัดปลวกทั้งรังอย่างได้ผล ส่วนวิดีโอที่สองแสดงวิธีกำจัดปลวกง่าย ๆ ด้วยส่วนผสมที่หาได้ในครัวเรือน อย่างไรก็ตาม หากลองวิธีพื้นฐานแล้วยังไม่ได้ผล ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเพื่อป้องกันความเสียหายที่จะรุนแรงขึ้น
สุดท้ายนี้ การจัดการปัญหาปลวกต้องอาศัยความอดทนและการติดตามผลหลังการกำจัด เช่น แม้กำจัดปลวกได้หมดแล้ว ก็ควรมีการตรวจสอบเป็นระยะและป้องกันไม่ให้ปลวกกลับมาอีก ด้วยวิธีการที่ได้กล่าวไปในข้างต้น
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับปลวก (FAQ)
ปลวกมีวงจรชีวิตอย่างไร?
วงจรชีวิตของปลวกเริ่มจากไข่ที่ราชินีวางไว้ จากนั้นฟักออกมาเป็นตัวอ่อนเล็ก ๆ ซึ่งจะได้รับการเลี้ยงดูโดยปลวกงานและได้รับจุลินทรีย์ช่วยย่อยจากอาหารที่ปลวกงานป้อนให้ ตัวอ่อนเหล่านี้จะลอกคราบหลายครั้งจนเติบโตขึ้นและเริ่มแบ่งแยกบทบาทไปเป็นวรรณะต่าง ๆ ตามความต้องการของรัง ได้แก่ ปลวกงาน ปลวกทหาร หรือปลวกสืบพันธุ์มีปีก เมื่อถึงวัยเจริญพันธุ์ ปลวกวรรณะสืบพันธุ์ (แมลงเม่า) จะบินออกจากรังเดิมไปจับคู่ผสมพันธุ์เพื่อสร้างรังใหม่ ทำให้วงจรชีวิตของปลวกดำเนินต่อไปอย่างต่อเนื่อง
แมลงเม่ากับปลวกต่างกันอย่างไร?
แมลงเม่าแท้จริงแล้วคือปลวกในวรรณะสืบพันธุ์ที่มีปีก โดยจะปรากฏให้เห็นเมื่อถึงฤดูผสมพันธุ์ที่ปลวกพร้อมใจบินออกจากรังเพื่อขยายพันธุ์ แมลงเม่ามีลักษณะคล้ายมดมีปีกแต่ต่างกันที่ปีกของแมลงเม่าจะมีขนาดเท่ากันทั้งคู่, เอวหนาไม่คอดกิ่ว, หนวดตรงลักษณะคล้ายลูกปัด ต่างจากมดที่เอวคอดและหนวดหักข้อ ดังนั้นแมลงเม่าก็คือปลวกอย่างหนึ่ง ส่วนมดที่มีปีก (เช่น มดราชินี) เป็นคนละชนิดกับปลวก
ปลวกกินอะไรเป็นอาหาร?
อาหารหลักของปลวกคือวัสดุที่มีเซลลูโลส เช่น ไม้ทุกชนิดไม่ว่าจะเป็นไม้แห้งหรือไม้ผุ กระดาษ กระดาษแข็ง และแม้แต่ผ้าใยธรรมชาติบางชนิด ปลวกงานจะย่อยไม้และวัสดุพวกนี้ด้วยความช่วยเหลือของจุลินทรีย์ในลำไส้ นอกจากนี้ปลวกบางชนิดยังกินหญ้า เศษใบไม้ หรือเชื้อราที่เพาะเลี้ยงในรังของตน อย่างไรก็ตาม ปลวกไม่กินพลาสติกหรือโลหะ แต่พวกมันสามารถกัดทะลุฉนวนหรือวัสดุอื่น ๆ เพื่อเข้าถึงแหล่งอาหารที่เป็นไม้ได้
จะรู้ได้อย่างไรว่ามีปลวกขึ้นบ้าน?
สัญญาณที่บ่งบอกว่ามีปลวกขึ้นบ้าน ได้แก่ การพบทางเดินดินเล็ก ๆ ตามผนังหรือพื้นบ้าน, พบแมลงเม่าบินในบ้านหรือปีกแมลงเม่าหล่นอยู่, เนื้อไม้ของวงกบประตูหรือพื้นไม้เป็นโพรงกลวงเสียงโปร่งเมื่อเคาะ, หรือพบเศษผงไม้และมูลปลวกใกล้กองไม้หรือเฟอร์นิเจอร์ หากสังเกตพบสิ่งเหล่านี้ ควรตรวจสอบเพิ่มเติมและรีบดำเนินการกำจัดปลวกก่อนที่ความเสียหายจะลุกลาม
กำจัดปลวกเองได้หรือควรเรียกบริษัทกำจัดปลวก?
การกำจัดปลวกเองสามารถทำได้ในกรณีที่ปลวกเพิ่งเริ่มขึ้นและวงจำกัด เช่น ใช้สารเคมีแบบสเปรย์หรือเหยื่อล่อที่มีขายทั่วไป หรือวิธีธรรมชาติอย่างน้ำส้มสายชู เกลือ แต่หากปลวกแพร่กระจายทั่วบ้านหรืออยู่ในโครงสร้างสำคัญ การเรียกบริษัทกำจัดปลวกมืออาชีพจะปลอดภัยและได้ผลกว่า ผู้เชี่ยวชาญจะมีอุปกรณ์และสารเฉพาะที่สามารถกำจัดปลวกถึงรังและป้องกันไม่ให้กลับมาอีก ทั้งนี้ต้องชั่งน้ำหนักความรุนแรงของปัญหา ความสะดวก และค่าใช้จ่ายประกอบกัน

มินดา ศรีสุข ผู้เชี่ยวชาญด้านปลวกที่ทำงานอยู่ที่สถาบันศึกษาแมลง ด้วยความเชี่ยวชาญของเธอในด้านปลวก เธอมีความรู้ความเข้าใจที่ลึกซึ้งเกี่ยวกับพฤติกรรมและลักษณะของปลวก รวมถึงวิธีการตรวจหาและจัดการกับปลวกอย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ เธอยังเป็นผู้ที่มีความสามารถในการสื่อสารและแนะนำวิธีการป้องกันและกำจัดปลวกให้แก่ลูกค้าและเพื่อนร่วมงาน ด้วยความคล่องตัวในการแก้ไขปัญหาและการทำงานร่วมกับผู้อื่น เธอเป็นที่รู้จักในวงการปลวกว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญที่มีคุณภาพและเป็นกันเองในการดำเนินงาน